นี่คือสถิติบางอย่างจากผลงานของ แอชลี่ย์ ยัง ในฤดูกาลนี้ ซึ่งมันอาจส่งสารไปถึงแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ว่าพวกเขาควรจะทำอย่างไรกับปีกชาวอังกฤษรายนี้ดี
เดวิด มอยส์ อาจจะพูดถึง แอชลี่ย์ ยัง ในแง่ดีหลังจากที่เขายิงประตูสโต๊ค ซิตี้ ได้ เมื่อเขาพูดว่า “เขาต้องการประตู” เพื่อที่จะเรียกความมั่นใจของเขาให้คืนกลับมาอยู่ในระดับเดิม
ประตูแรกอันสุดคมในเกมกับสโต๊ค ซิตี้ นั้นแสดงให้เห็นว่าเขาอัดอั้นมานานแค่ไหน ดูได้จากการฉลองประตูอันสุดเหวี่ยงของเขา
แต่ก็แน่นอน เพียงแค่เกมที่ดีเกมเดียวก็ไม่ได้หมายความว่าสถานการณ์ในทีมของเขาจะปลอดภัย แม้ว่าปีกวัย 28 ปีจะกลับมาทำประตูได้ แต่มันก็ยังมีเครื่องหมายคำถามอยู่เหนือหัวเขาอยู่ดี
และนี่ก็คือสถิติต่างๆ ของเขาที่อาจบอกได้ว่าฟอร์มที่ดีในเกมกับทีมช่างปั้นหม้อนั้นอาจไม่ได้มีความหมายอะไรเป็นพิเศษ
หน้าที่หลังของยังตามที่มอยส์ต้องการนั้นก็คือทำประตูด้วยตนเอง และสร้างสรรค์โอกาสให้กับทีม น่าเสียดายที่ว่าอดีตตัวรุกแอสตัน วิลล่า ยังไม่สามารถทำได้ดีเท่าไหร่นัก นับตั้งแต่ย้ายเข้ามาในช่วงซัมเมอร์ของปี 2011
จากฤดูกาลแรกของเขาในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด ยังสร้างสรรค์โอกาสได้ 1 ครั้งจากทุกๆ 37.2 นาที แต่ปีต่อมาสถิติก็กลายมาเป็น 39.2 นาที จนกระทั่งในปีนี้ย่ำแย่หนักถึงขั้นเป็น 46.4 นาที
แต่นั่นอาจเป็นเพราะนักเตะตัวริมเส้นคนนี้ได้บอลน้อยกว่าเดิมพอสมควร อย่างที่สถิติการจ่ายบอลของเขาได้บ่งบอกเอาไว้
ในพรีเมียร์ ลีก ฤดูกาล 2011/12 เขามีสถิติการจ่ายบอล 42.02 ครั้งต่อ 90 นาที ขณะที่เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา สถิติเพิ่มขึ้นเป็น 44.02 อย่างไรก็ตาม ในฤดูกาล 2012/13 เขาก็จ่ายบอลเข้าเท้าเพื่อนร่วมทีมเพียงแค่ 35.69 ครั้งต่อเกมเท่านั้นเอง
ส่วนตัวเลขของการยิงประตูนั้นอาจทำให้ยังมีประโยชน์กับทีมมากขึ้น อย่างที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เคยพิสูจน์ให้เห็นบ่อยๆ สมัยค้าแข้งกับทีมปีศาจแดง แต่สิ่งที่ว่านั้นก็ยังไม่เกิดขึ้นเลย
ประตูในเกมที่พบกับสโต๊ค ซิตี้ ล่าสุดนั้นถือเป็นลูกแรกที่นักเตะทีมชาติอังกฤษทำให้กับสโมสรได้นับตั้งแต่วันที่ 6 พฤษภาคม 2012 โดยตอนนั้นเขายิงสวอนซี ซิตี้ ได้ในเกมที่เอาชนะไปด้วยสกอร์ 2-0
เขาจะได้จังหวะสับไก 1 ครั้งต่อ 46.23 นาทีในฤดูกาลแรก นั่นยิ่งใช้เวลานานขึ้นไปอีกในฤดูกาลที่ 2 ซึ่งอยู่ที่ 65.3 นาที ก่อนที่ฤดูกาลนี้จะอาการหนัก เพราะต้องใช้เวลาถึง 116 นาทีเลยทีเดียว
ในขณะที่สถิติด้านอื่นๆ ที่ไม่ใช่หน้าที่ของยังโดยตรงก็ยังตกลงฮวบฮาบอย่างน่าใจหายด้วย ฤดูกาลนี้อดีตนักเตะวัตฟอร์ดเอาชนะในจังหวะแย่งบอลได้เพียงแค่ 25% เท่านั้น เมื่อเทียบกับ 83% จากฤดูกาลที่แล้ว และ 80% ในฤดูกาลก่อนหน้านั้น
แน่นอนว่าสิ่งต่างๆ เหล่านี้อาจจะไม่ใช่ปัจจัยที่สำคัญที่สุด ฟุตบอลนั้นเป็นเกมที่ต้องวัดกันด้วยฟอร์มปัจจุบัน ซึ่งนั่นจะมาจากความมั่นใจด้วย เป็นสิ่งที่ไม่สามารถดูได้จากตัวเลขเพียงอย่างเดียว
เป็นเรื่องจำเป็นที่มอยส์จะต้องทำให้ยังกลับมาคืนฟอร์มเก่งโดยเร็วที่สุด ซึ่งนั่นจะช่วยส่งผลดีต่อทั้งสโมสรและตัวของนักเตะเองด้วย
SiR KeaNo
2001-2024 RED ARMY FANCLUB Official Manchester United Supporters Club of Thailand. #ThaiMUSC